สุดทน! ชาวบ้านต้านฟาร์มกัญชาไม่ได้รับอนุญาตปลูกกลางหมู่บ้าน ส่งกลิ่นเหม็นชาวบ้านป่วยและเกิดภูมิแพ้ คันจมูกและคออักเสบ ยิ่งวันไหนฝนตกเหมือนตกนรก ต้องรีบปิดประตูบ้าน เปิดแอร์เป็นเครื่องฟอกอากาศ ค่าไฟพุ่ง
แพทย์เตือนให้ควบคุมสิ่งแวดล้อมห่างไกลฝุ่นควันสารเคมีและสารกัญชาส่งกลิ่งมาแรงมากในวันฝนตก ด้านเทศบาลท่าศาลา พร้อมนัดเจ้าของฟาร์มกัญชาและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบสรุปปัญหา เจ้าของฟาร์มบอกทำมานาน และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการยื่นขอใบอนุญาตกับเทศบาลตำบลท่าศาลากับสาธารณสุขจังหวัดอยู่ นำกัญชาที่ปลูกออกไปจะหมดแล้ว แต่เหลือไว้เพียงบางส่วน
สรุปในที่ประชุมชาวบ้านไม่ยอม ขอให้โรงงานฟาร์มกัญชาย้ายออกจากหมู่บ้านเท่านั้น รวบรวมหลักฐานและรายชื่อเพื่อแจ้งความเอาผิดนำเรื่องร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม สาธารณสุขจังหวัดและรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านด้วยเพราะชาวบ้านทนเหม็นกลิ่นกัญชาไม่ไหวแล้ว
วันที่ 6 ก.ย.66 ที่ลานจอดรถด้านหน้า โรงแรมบ้านแก้วเฮือนขวัญ ภายในหมู่บ้านลานนาโฮม ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
นายพจน์ สิงหราช รองนายกเทศบาลตำบลท่าศาลา พร้อมนายสุรินทร์ ทาเกิด ปลัดเทศบาลตำบลท่าศาลา และนายธวัชชัย กันทะวันนา ผอ.กองสาธารณสุขเทศบาลตำบลท่าศาลา และทนายความ พร้อมด้วยเจ้าของฟาร์มกัญชา ที่มีฟาร์มตั้งอยู่อยู่ติดกับโรงแรมบ้านแก้วเฮือนขวัญด้านทิศเหนือและชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงจำนวนกว่า 30 คน
ได้นัดจัดประชุมหารือเพื่อสรุปปัญหากลิ่มกัญชาจากโรงงานฟาร์มกัญชาที่อยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวได้ส่งกลิ่นเหม็นมานานเป็นปีจนชาวบ้านล้มป่วยหลายราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมหารือ นายพจน์ สิงหราช รองนายกเเทศบาลตำบลท่าศาลา ปิดการประชุม โดยให้ นายธวัชชัย กันทะวันนา ผอ.กองสาธารณสุขชี้แจงกับชาวบ้านว่า ปัญหานี้เกิดมานานแล้ว โดยเจ้าของฟาร์มกัญชารายก่อนกระทำผิดปลูกกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตได้สังปิดแล้วได้เลิกกิจการไปแล้ว
ต่อมาก็มีเจ้าของกิจการรายใหม่ล่าสุดมายื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการกัญชาอีกในช่วง 2 ถึง 3 เดือนที่ผ่านมากับทางเทศบาลตำบลท่าศาลา แต่เทศบาลฯ ไม่อนุญาต เพราะเคยเกิดปัญหากับชาวบ้านในกรณีเดิมมาแล้วเกิดผลกระทบกับชุมชนจนมาถึงปัจจุบันก็ยังไม่อนุญาตลงนาม โดยนายกเทศบาลตำบลท่าศาลาให้หยุดกิจการไว้
ก่อนส่งหนังสือไปให้เจ้าของฟาร์มรายใหม่แล้วและเจ้าของฟาร์มกัญชาได้ทำหนังสือตอบกลับมาขออุทธรณ์คำสั่งมีอ้างเหตุผลมาให้ทราบเมื่อเทศบาลตำบลท่าศาลาให้คำตอบไม่ได้จึงเสนอหน่วยเหนือขึ้นไปคือให้สาธารณสุขจังหวัดได้พิจารณาใบอนุญาตดังกล่าวในเวทีหารือ ชาวบ้านสนใจประเด็นไม่ได้รับอนุญาตแล้วปลูกกัญชาได้อย่างไร
ด้าน นายประพันธ์ สุวรรณ ชาวบ้านอยู่อาศัยทางทิศตะวันตกของฟาร์มปลูกกัญชา ถาม ผอ.กองสาธารณสุข ว่าเมื่อไม่ได้รับใบอนุญาตให้ปลูกกัญชาแล้วสามารถปลูกกัญชาได้อย่างไรเหมือนการสร้างบ้านใกล้จะเสร็จแล้วให้ไปยื่นแบบ
ได้รับคำตอบจาก นายธวัชชัย กันทะวันนา ผอ.กองสาธารณสุขตอบว่าประมาณนั้น แต่เราเทศบาลตำบลท่าศาลาสั่งให้หยุดแล้ว แต่เจ้าของฟาร์มสามารถใช้สิทธิ์ได้ในการอุธรณ์
ต่อมาชาวบ้านที่ร่วมหารือก็บอกอีกว่าธุรกิจแบบนี้ไม่สมควรจะตั้งในชุมชน น่าจะหาสถานที่ห่างไกลชุมชนหาพื้นที่ใหม่ดีกว่า สถานที่เหมาะสมมากกว่านี้ชาวบ้านหลายร้อยชีวิตหลายครอบครัวเดือดร้อน ถ้าย้ายโรงงานได้ ขอความกรุณาย้ายโรงงานไปจะดีที่สุด
ด้านเจ้าของโรงแรม (สงวนนาม) บอกว่าตนมีแม่และพี่น้องเคยช่วยงานโรงแรมปลูกบ้านอาศัยอยู่ติดโรงแรมประกอบอาชีพกันมาก็ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อเริ่มมีโรงงานฟาร์มกัญชาบ้านพักของแม่และพี่น้องที่อยู่ติดกับรั้วของฟาร์มกัญชาทนเหม็นกลิ่นกัญชาไม่ไหวต้องย้ายบ้านไปอยู่ จ.ลำพูน ปล่อยบ้านทิ้งร้างไว้
ในขณะนี้ส่วนตนก็แพ้กัญชาเช่นกัน วันไหนกลิ่นกัญชาโชยมาก็ต้องรีบปิดห้องอยู่แต่ในห้องพักเพราะเมื่อแพ้กัญชาจะมึนเมาตลอดทั้งวัน
จากที่ตนอายุมากพักฟื้นจากการป่วยด้วยโรคภัยต้องการอยู่ในสถานที่เปิดโล่งก็ทำไม่ได้ โดยเฉพาะวันฝนตกกลิ่นกัญชาจะแรงกว่าปกติและที่สำคัญโรงแรมของตนพื้นที่กว่า 2 ไร่พร้อมสิ่งปลูกสร้างมีชาวต่างชาติติดต่อจะมาลงทุนสร้างโรงแรมก็ถูกยกเลิกเพราะได้กลิ่นกัญชาจากฟาร์มดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สรุปที่ประชุมชาวบ้านในหมู่บ้านได้ลงความเห็นว่าจะรวมรวมหลักฐานและรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบกับกลิ่นกัญชาทั้งหมดแล้วไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกันนั้นจะเสนอปัญหาไปยังสาธารณสุขจังหวัดและร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ที่ศูนย์ดำรงธรรมและเสนอปัญหานี้ไปยังรัฐบาลที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบลงมาแก้ไขปัญหาต่อไป
ต่อมาทาง นายพจน์ สิงหราช รองนายกเทศบาลตำบลท่าศาลาให้ตัวแทนบริษัทเจ้าของโรงงานฟาร์มกัญชา ชี้แจงกับชาวบ้านว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ได้รับคำตอบจากทนายในฐานะตัวแทนบริษัทฟาร์มกัญชาแจ้งกับชาวบ้านว่าการก่อสร้างโรงงานก็จะยึดตามเดิมที่ได้เสนอขออนุญาตเพียงแค่มีการเปลี่ยนชื่อ ส่วนคำสั่งระงับใบขออนุญาตของเทศบาลตำบลท่าศาลามีคำสั่งระงับทางบริษัทไม่ได้โต้แย้ง
เราปฏิบัติตามแต่สิ่งที่เราทำอยู่ เราได้ยื่นอุทธรณ์ไปที่เทศบาลเรียบร้อยแล้ว สิทธิ์ของเรายังมี เราก็ใช้สิทธิ์ของเราจนกว่าจะได้คำวินิจฉัยออกมา ส่วนสถานที่ตั้งมองว่าในมุมของบริษัทไม่ต้องการกระทบกับชาวบ้านแต่เป็นเงินทุนและบริษัทพร้อมที่จะแก้ไขให้ดีขึ้น
ส่วนชาวบ้านที่ป่วยแพ้กลิ่นกัญชา นางดาว (นามสมมุติ) ชาวบ้านที่ติดโรงงานกัญชาอีกรายบอกว่า ตนเป็นหลอดเลือดสมองตีบอยู่เดิม เข้าพบแพทย์ล่าสุด 25 ส.ค. 2566 แพทย์บอกว่ามีอาการเพิ่มคือคันตาคันจมูกและคอ ส่วนจมูกและคออักเสบเพิ่ม
แพทย์ถามถึงบ้านที่อาศัยติดโรงงานหรือไม่ ตนบอกมีเพียงฟาร์มปลูกกัญชามาสร้างในหมู่บ้าน แพทย์เขียนในใบรับรองแพทย์เตือนแนะนะให้ควบคุมสิ่งแวดล้อมห่างไกลฝุ่น ควัน สารเคมีและสารกัญชา และต้องยอมรับว่าตั้งแต่โรงงานกัญชามาตั้งในหมู่บ้าน อาการภูมิแพ้กำเริบมากขึ้น
เมื่อได้กลิ่นกัญชาต้องรีบปิดประตูบ้าน เปิดแอร์เป็นเครื่องฟอกอากาศถึง 2 ตัวทำให้การใช้ชีวิตไม่ปกติและสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้ามากขึ้นอีกด้วย