ฮือฮา พบพระหินอ่อนจากพม่า ถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของวัดทุ่งค่าย คาดอายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี เชื่อเป็นนิมิตรหมายที่ดีให้ญาติโยมได้เข้ากราบสักการะบูชา ขอพรช่วงเทศกาลเข้าพรรษา
ที่วัดชัยภูมิสถิตย์ หรือวัดทุ่งค่าย หมู่ 2 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง พระปลัดอาทร เตชปัญโญ พระลูกวัด พบพระพุทธรูปสีขาวนวลทั้งองค์ ถูกเก็บไว้ภายในห้องเก็บของวัด โดยที่ไม่เคยมีใครเคยพบเห็นมาก่อน จากนั้นจึงแจ้งไปยังผู้รู้ได้เดินทางมาตรวจสอบ และยกมาวางไว้ที่ศาลาโรงธรรม พบว่าเป็นพระพุทธรูปสีขาวนวลทั้งองค์ ปางมารวิชัย พระอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาวางบนพระชานุ (เข่า) นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงพื้นธรณี หน้าตักกว้างประมาณ 19 นิ้ว สูงกว่า 30 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 90 กก. อายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี เชื่อเป็นนิมิตรหมายที่ดีรับเทศกาลเข้าพรรษาให้ญาติโยมได้เข้ากราบสักการะบูชา ขอพรช่วงเทศกาลเข้าพรรษา
นายจวน ศิริพันธ์ อดีต ผอ.โรงเรียนวัดนิกรรังสฤษฎ์ บอกว่าไม่ทราบว่าชื่อพระอะไร แต่พอจะทราบว่าเป็นพระที่มาจากประเทศพม่า และทำจากหินอ่อนทั้งองค์ ครั้งหนึ่งที่ตนเองเคยไปประเทศอินเดีย เพื่อเปิดโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ปรากฏว่าไปพบพระพุทธรูปแบบนี้ ตนมีความคิดอยากจะนำกลับประเทศไทย บังเอิญว่าท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหารขณะนั้น ท่านไปประเทศอินเดียด้วย ตนจึงเสนอท่านว่า อยากนำพระพุทธรูปนี้นำกลับประเทศไทย ท่านบอกว่า อย่านำกลับไปเลย ประเทศเรามีเยอะแยะ เพราะเขาทำที่ประเทศพม่า และจะมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายด้วย เพราะเป็นวัตถุโบราณไม่สามารถนำกลับประเทศเราได้ ตนก็เลยไม่ได้นำกลับมา ก็เพิ่งมาพบเจอที่วัดทุ่งค่ายแห่งนี้
เดิมพระพุทธรูปองค์นี้เคยประดิษฐ์ฐานอยู่ที่วัดนิกรรังสฤษฎิ์ ความเป็นมาจึงเข้าใจว่า คงจะมีการนำเข้าประเทศไทยมาสมัยพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ และอาจจะมีคนนำถวายเจ้าอาวาสวัดนิกรรังสฤษฎิ์ หรือไม่ก็มี คุณย่าพัด ณ พัทลุง ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดนิกรรังสฤษฎิ์ แต่ตนจำปี พ.ศ.ไม่ได้ ต้องไปเปิดประวัติของวัดนิกรฯ แต่จำได้ว่า คุณย่าพัด ณ พัทลุง เป็นภรรยาของหลวงศักดิ์ นำพระพุทธรูปหินอ่อนมาถวาย 2 องค์ เป็นพระพุทธรูปหินอ่อนองค์ยืน 1 องค์ ซึ่งขณะนี้ก็ยังเก็บรักษาไว้ในกุฏิที่วัดนิกรรังสฤษฎิ์ และองค์นั่งคือ องค์นี้อีก 1 องค์ ที่ขณะนี้ถูกเก็บรักษาอยู่ที่นี่ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าจากวัดนิกรฯ มาอยู่ที่วัดทุ่งค่ายแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อใด เพราะตนก็มาทราบตอนนี้เช่นกันจึงเดินทางมาดู
ทั้งนี้ ถ้าพูดถึงพระพุทธรูปองค์นี้ ในด้านความขลัง หรือความศักดิ์สิทธิด้านใด ยังไม่ปรากฏเหตุการณ์ใดๆ ซึ่งเป็นไปได้ว่า ตั้งแต่ได้มาก็มีการเก็บรักษาไว้มิดชิด ประชาชนทั่วไปไม่มีคนทราบข่าวคราว ไม่ได้มีการเปิดให้คนเข้าไปบูชาขอพร เพราะคงกลัวหาย จึงเก็บไว้มิดชิดทำให้ผู้คนไม่ทราบ ซึ่งพระองค์นี้คล้ายๆ กับ “พระอุปคุต” ที่ทางภาคเหนือ ภาคอีสาน ประเทศพม่า หากมีงานพิธีจะนิยมอัญเชิญพระอุปคุตมาเข้าพิธี เพื่อคุ้มครองให้การจัดงานเป็นไปโดยราบรื่น ไม่ให้มีอุปสรรค์ใดๆ ก็เชื่อว่าพระพุทธรูปหินอ่อนองค์นี้ก็น่าจะมีคุณค่าต่อชาวพม่าในลักษณะเดียวกัน จึงมีการจัดสร้างกันขึ้นมา และยืนยันได้ว่าเป็นพระโบราณเก่าแก่ เป็นวัตถุล้ำค่าที่หาไม่ได้อีกแล้ว และในประเทศพม่าก็เลิกทำแล้วเช่นกัน ตีเป็นมูลค่าประเมินราคาไม่ได้ เพราะไม่มีใครเล่นพระแบบนี้ ส่วนใครเป็นคนนำมาที่วัดทุ่งค่าย มาได้อย่างไร ก็ไม่ทราบได้ แต่เชื่อว่าคงอัญเชิญมาสมัย “หลวงพ่อน่วม” อดีตเจ้าอาวาส เมื่อประมาณ 70-80 ปีก่อน แต่ถูกเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของอย่างมิดชิด คงกลัวถูกขโมย เพราะที่วัดทุ่งค่าย ไม่มีเจ้าอาวาสวัดต่อเนื่อง จึงขาดคนดูแลและไม่มีคนเห็นคุณค่าและความสำคัญของพระพุทธรูป จึงไม่ได้นำออกมาตั้งให้ญาติโยมได้บูชา