พระอุปัชฌาย์ “สารวัตรแบงค์” เผย ญาตินำอัฐิไว้วัดครบ 100 วัน ก่อนลอยอังคาร

พระอุปัชฌาย์ "สารวัตรแบงค์" เผย ญาตินำอัฐิไว้วัดครบ 100 วัน ก่อนลอยอังคาร


พระอุปัชฌาย์ “สารวัตรแบงค์” เผย ญาตินำอัฐิไว้วัดครบ 100 วัน ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ก่อนลอยอังคารลงสู่แม่น้ำโขง ตามความเชื่อ

กรณี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ หรือเพื่อนตำรวจจะเรียกว่าสารวัตรศิว อายุ 32 ปี นายตำรวจประจำสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ถูกนายธนัญชัย หมั่นมากหรือหน่อง ท่าผา ลูกน้องคนสนิทของกำนันนก นายประวีณ จันทร์คล้าย กำนัน ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ใช้อาวุธปืนยิง 7 นัดซ้อนจนเสียชีวิต กลางงานเลี้ยงที่บ้านของกำนันนก เหตุเกิดเวลาประมาณ 4 ทุ่มของวันที่ 6 กันยายน 2566 จนกลายเป็นข่าวเขย่าวงการตำรวจที่ประชาชนจำนวนมากจับตามอง โดยร่างของสารวัตรแบงค์พระราชทานเพลิงศพไปแล้ว ที่วัดพระมหาธาตุ บางเขน กทม. เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติๆและเพื่อนตำรวจทุกเหล่าที่มาร่วมส่งวิญญาณ

ทั้งนี้ สารวัตรแบงค์ บ้านเกิดอยู่ที่ จ.นครพนม โดยมารดาคือนางทัศนัย สายบัว เป็นชาวชุมชนวัดกกต้อง เขตเทศบาลเมืองนครพนม และเพื่อความกระจ่างชัด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดสว่างสุวรรณาราม ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงแผ่นดิน 212 (นครพนม-บ้านแพง) ชุมชนวัดสว่างฯ หน้าสวนหลวง ร.9 เขตเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งเป็นชุมชนติดกันกับชุมชนวัดกกต้อง พบกับพระราชสิริวัฒน์ หรือเจ้าคุณเพชร เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ฝ่ายมหานิกาย และเป็นเจ้าอาวาสวัดสว่างฯ

โดยเจ้าคุณเพชรได้เปิดเผยรายละเอียดว่า นางทัศนัย สายบัว มารดาของสารวัตรแบงค์ เดิมมีนามสกุลอินธิโส เป็นเพื่อนท่านสมัยเรียนหนังสือด้วยกัน ต่อมาเมื่อเติบใหญ่ต่างคนก็ไปตามวิถีของแต่ละคน ท่านได้บวชเรียนในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ จำพรรษาอยู่วัดสว่างฯ ขณะที่นางทัศนัยได้แต่งงานมีลูกคนโตเป็นชายคือสารวัตร ตามประเพณีความเชื่อของคนอีสาน ถ้าได้ลูกคนโตเป็นชายก็จะต้องเอามาฝากเป็นลูกหลวงพ่อที่วัด เพื่อใช้หลักธรรมคำสอนพระพุทธองค์ ชโลมจิตใจให้เป็นคนมีเมตตา กรุณา ปรานี และมีจิตใจโอบอ้อมอารีย์ต่อเพื่อนมนุษย์

เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เล่าต่อว่าสารวัตรแบงค์เรียนชั้นอนุบาล 1-3 ที่โรงเรียนเทศบาล 1 จากนั้นครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ด้วยความผูกพันระหว่างปิดเทอม สารวัตรแบงค์จะเดินทางมาหาคุณยายทวดที่นครพนมประจำ และจะมาอยู่ที่วัดสว่างฯเป็นเด็กวัดเดินตามหลังหลวงพ่อเสมอ กระทั่งสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยได้ ก็ไปๆมาๆหาท่านเจ้าคุณมิได้ขาด และเมื่ออายุครบบวชได้อุปสมบทบวชเป็นพระ โดยมีท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ กระทั่งลาสิกขาไปรับราชการเป็นนายตำรวจดังกล่าว

เมื่อสอบถามถึงอุปนิสัยของสารวัตรแบงค์ เจ้าคุณเพชรเล่าว่าเขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เพื่อนนักเรียนสมัยอยู่ชั้นอนุบาลด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ฐานะใด เขาจะคลุกคลีตีโมงโดยไม่มีการแบ่งแยก จึงเป็นที่รักของทุกๆคน แต่เมื่อถามถึงเวรกรรมท่านเจ้าคุณเพชร บอกว่าถือเป็นกรรมเก่าแต่ชาติปางก่อน ที่มามีผลในชาตินี้ แม้ชาตินี้เขาไม่ได้สร้างเวรกรรมกับใครก็ตาม

“สารวัตรแบงค์เป็นคนตรงไปตรงมา มีจิตใจเมตตา ชอบทำบุญสุนทาน เป็นผลมาจากทางครอบครัวที่ชอบเข้าวัดทำบุญกันทั้งครอบครัว เรื่องทำบุญนี่ไม่มีใครขัด และไม่เลือกว่าต้องเป็นวันไหน วันเกิดเหตุคุณแม่เขาโทรมาหากลางดึก เราก็ไม่ได้เปิดเครื่องทิ้งไว้ จนรุ่งเช้าจึงสงสัยทำไมโทรมากลางดึกเช่นนี้ ขณะเดียวกันมีลูกศิษย์มาบอกว่าสารวัตรแบงค์ถูกยิง เท็จจริงอย่างไรโทรถามคุณแม่เขาดู ทีแรกแม่เขาก็ไม่กล้าเล่าจนโทรมาหาเป็นครั้งที่ 3 จึงยอมบอกรู้ว่าสารวัตรแบงค์ถูกยิงตาย”

นอกจากนี้ท่านเจ้าคุณเพชร เปิดเผยเพิ่มเติมว่าทางครอบครัว มีความเห็นจะนำอัฐิสารวัตรแบงค์มาลอยอังคารที่บ้านเกิดนครพนม แต่ตอนนี้อัฐิยังอยู่กับครอบครัวที่กรุงเทพฯ ตอนนี้ทางครอบครัวยังทำใจไม่ได้ในการสูญเสีย ให้คุณแม่เขาเลือกฤกษ์สะดวกก็จะนำมาไว้ที่กุฏิท่าน พอครบ 100 วันทำบุญอุทิศส่วนกุศลเสร็จ ก็จะนำไปลอยอังคารตามความเชื่อ ว่า มนุษย์เมื่อสิ้นอายุขัย ก็จะต้องกลับลงสู่ดินและแม่น้ำ

แหล่งที่มา

Scroll to Top