ศาลอาญา สั่งจำคุก “ณัฐชนน-เบนจา” 1 ปี 8 เดือน ปรับ 30,100 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงโทษ 2 ปี พร้อมสั่งจำคุก “สมยศ” 1 ปี 8 เดือน 40 วัน โดยไม่รอลงอาญา ปมปราศรัย เผารูปผู้พิพากษา ทนายยื่น 1 แสนประกัน ศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว
วันที่ 17 ต.ค. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดีที่นายณัฐชนน ไพโรจน์, น.ส.เบนจา อะปัญ และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ฐานดูหมิ่นศาล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198, ชุมนุมมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายและไม่เลิกชุมนุมตามคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215-216, ฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการชุมนุมเมื่อ 30 เม.ย. 2564 เพื่อให้กำลังใจมารดาของ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ในการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวพริษฐ์ที่ศาลอาญา ซึ่งขณะนั้นพริษฐ์อดอาหารประท้วงในเรือนจำเพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัว มีการจัดกิจกรรมอ่านหนังสือเปิดผนึกถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ปราศรัย เผาดอกไม้จันทน์ และเผารูปผู้พิพากษา-ตำรากฎหมาย
โดยเวลาประมาณ 09.30 น. ห้องพิจารณาคดีที่ 701 ศาลออกนั่งพิจารณาคดี ณัฐชนน และ สมยศ ขออนุญาตนั่งฟังคำพิพากษา เนื่องจากณัฐชนนใส่ขาเทียม ส่วนสมยศมีอาการข้อเข่าเสื่อม แต่ศาลสั่งให้ยืนฟังคำพิพากษาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอนุญาตให้จำเลยทั้งหมดนั่งภายหลัง
สำหรับข้อหาดูหมิ่นศาล ศาลเห็นว่าโจทก์นำสืบว่า จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันจัดกิจกรรมเผารูปผู้พิพากษา เผาประมวลกฎหมาย เผาดอกไม้จันทน์เพื่อให้กำลังใจมารดาของนายพริษฐ์ เรียกร้องให้ศาลอาญาปล่อยตัวชั่วคราว ติดป้ายที่มีข้อความว่าปล่อยเพื่อนเรา เพื่อกดดันการใช้ดุลพินิจปล่อยชั่วคราวของศาล
คำปราศรัยของจำเลยทั้งสามล้วนเป็นการตำหนิการใช้ดุลพินิจของศาลอาญา แม้ไม่เจาะจงผู้พิพากษาคนใด แต่ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ไม่ใช่การใช้สิทธิโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การติชมโดยสุจริต ปัญหาเรื่องสุขภาพของนายพริษฐ์ และความสงสารมารดาของนายพริษฐ์ไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างได้
ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 เฉพาะจำเลยที่ 1-2 มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่รับอนุญาต
พิพากษาจำคุกนายณัฐชนน และ น.ส.เบนจา ฐานดูหมิ่นศาล คนละ 2 ปี ปรับ 30,000 บาท ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุก 6 เดือน ปรับ 15,000 บาท ฐานใช้เครื่องขยายเสียงฯ ปรับคนละ 100 บาท จำเลยทั้งสองให้การเป็นประโยชน์ต่อกาารพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 30,100 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี ให้คุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี รายงานตัว 4 ครั้ง และทำงานบริการสังคมตามที่เจ้าพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร
ส่วนนายสมยศเพิ่มโทษจากคดีก่อนหน้าหนึ่งในสาม ลงโทษจำคุกเฉพาะข้อหาดูหมิ่นศาล 2 ปี 8 เดือน ลดโทษเนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาหนึ่งในสาม เหลือโทษจำคุก 1 ปี 8 เดือน 40 วัน โดยไม่รอลงอาญา
จากนั้น ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวสมยศระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา ต่อมาเวลา 16.45 น. ศาลมีคำสั่งให้ประกันนายสมยศ โดยเห็นว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับจำเลยที่ 3 ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวในชั้นพิจารณา ไม่ปรากฏพฤติการณ์หลบหนี ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยที่ 3 ชั่วคราว ในระหว่างอุทธรณ์”
ศาลให้วางหลักทรัพย์ประกันในชั้นอุทธรณ์จำนวน 100,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ นายสมยศจึงได้รับการปล่อยชั่วคราวเพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อไป